ลูกกตัญญูร้องสภาทนายความ ขอรับรองบุตร หวังบิดารับสิทธิค่ารักษาพยาบาล

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2565 เวลา 10.00 น. ที่ห้องแถลงข่าว ชั้น 4 สภาทนายความใน พระบรมราชูปถัมภ์ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ นายสมพร ดำพริก อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย นายสัญญาภัชระ สามารถ อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ นายวีรศักดิ์ โชติวานิช อุปนายกฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรรมการประชาสัมพันธ์และรองเลขาธิการ และ ดร. วิรัลพัชร เวธทาวริทธิ์ธร อุปนายกฝ่ายวิชาการ ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก น.ส. สุพัตรา ประพฤทธิ์ตระกูล ข้าราชการครูผู้ช่วย โดยขอให้สภาทนายความรับช่วยเหลือจัดทนายความดำเนินการยื่นคำร้องขอต่อศาล เพื่อให้มีคำสั่งให้ผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา เนื่องจากต้องการให้ นายสุนันท์ ประพฤทธิ์ตระกูล บิดา ผู้ประกอบอาชีพขายปาท่องโก๋ ได้รับสิทธิของข้าราชการ เช่น ค่ารักษาพยาบาล
ด้าน ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า น.ส. สุพัตรา ประพฤทธิ์ตระกูล ผู้ร้องประกอบอาชีพครูผู้ช่วย ได้มาร้องขอความช่วยเหลือทางกฎหมายจากสภาทนายความในการยื่นคำร้องต่อศาลเกี่ยวกับการรับรองบุตร เพื่อให้บิดาผู้ร้องได้รับสิทธิตามกฎหมาย ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ร้องได้ติดต่อหลายหน่วยงานแล้วแต่ได้รับการปฏิเสธ มีบางหน่วยงานแนะนำให้ผู้ร้องมาขอความช่วยเหลือกับสภาทนายความ เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงโดยละเอียดแล้ว จึงเห็นควรรับช่วยเหลือในการดำเนินการยื่นคดีต่อศาล เพื่อขอให้มีการรับรองบุตรตามกฎหมาย
ด้าน น.ส. สุพัตรา ประพฤทธิ์ตระกูล ผู้ร้อง กล่าวว่า ตนประกอบอาชีพครูผู้ช่วย และเพิ่งได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการครูผู้ช่วย เมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 ทางหน่วยงานได้กำหนดให้ตนทำทะเบียนประวัติ ปรากฏว่า เอกสารความเป็นบิดายังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากบิดาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับมารดาผู้ร้อง จึงต้องการยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา และนำคำสั่งศาลไปแสดงต่อสำนักงานเขต เพื่อขอจดทะเบียนรับรองบุตร และจะได้ใช้สิทธิข้าราชการครูดูแลบิดา อันเป็นการแสดงความกตัญญูต่อบุพการี
นอกจากนี้ผู้ร้องยังได้กล่าวขอบคุณท่านนายกสภาทนายความที่รับให้ความช่วยเหลือ เพราะเป็นที่พึ่งสุดท้ายของผู้ร้อง
“การที่สภาทนายความรับให้ความช่วยเหลือและมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันนี้ ก็หวังว่าสื่อมวลชนจะช่วยกันเผยแพร่ข่าวและติดตามนางนิตยา ถะเกิ้งผล มารดา ให้กลับมามีโอกาสได้พบกันสักครั้งในชีวิต เนื่องจากบิดาและมารดาได้แยกทางกันตั้งแต่ตนยังเล็ก และตนไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งเคยตรวจสอบแล้ว ไม่พบข้อมูลจากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรเลย”